การทำงานจากบ้าน (Work from Home) และการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) กลายเป็นเทรนด์สำคัญในยุคปัจจุบันจากภาวะโรคระบาด COVID-19 และแม้ว่าสถานการณ์โรคภัยดังกล่าวจะเริ่มดีขึ้นบ้างแต่การทำงานโดยไม่ต้องเข้าบริษัทกลับยังคงความนิยมอยู่ และนำมาซึ่งเทรนด์ใหม่ที่เป็นการผสมผสานการทำงานหลากหลายรูปแบบอย่าง Hybrid Working
Hybrid Working ความลงตัวของการทำงานสมัยใหม่
Table of Contents
กระแสการทำงาน Hybrid Working ในช่วงที่ผ่านมา
เหตุผลที่การทำงานแบบ Hybrid Working ยังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 จะเริ่มดีขึ้นแล้ว เป็นผลมาจากหลายปัจจัยประกอบกัน ได้แก่
- พนักงานส่วนมากพอใจที่ได้รับอิสระในการเลือกสถานที่ทำงาน
- พนักงานไม่ต้องเผชิญกับสภาวะการจราจรติดขัดในทุก ๆ วัน
- เครื่องมือสำหรับ Remote Work มีคุณภาพมากขึ้นในราคาที่เหมาะสม
ซึ่งบริษัทใหญ่ระดับโลกอย่าง Google, Facebook และ Microsoft ต่างก็มีนโยบาย Hybrid Working ด้วยกันแทบทั้งสิ้น และกระแสการทำงานรูปแบบดังกล่าวก็ยังกระจายไปในหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย ซึ่งจากผลสำรวจของ intuition.com พบว่า 83% ของพนักงานที่ตอบแบบสอบถามต้องการทำงานแบบ Hybrid Working
สำหรับทีมงาน True VWORLD ก็มีการทำงานในรูปแบบของ Hybrid Working อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงที่ Covid-19 ระบาดระลอกแรกจวบจนปัจจุบัน โดยผสมผสานความอิสระให้คนในทีมสามารถทำงานจากบ้าน หรือที่ไหน ๆ ก็ได้ผ่านแพลตฟอร์ม True VWORK รวมกับการสานสัมพันธ์ในองค์กรเพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวา ทั้งในรูปแบบการนัดเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละวันเพื่อพบปะกันตามความต้องการของคนในทีม การเช็คอิน และทำ 1-1 Session เพื่อติดตามอัปเดตชีวิตผ่าน True VROOM ทำให้การทำงานยังคงมีประสิทธิภาพ และพนักงานมีความสุขในการทำงานไปในเวลาเดียวกัน
ข้อดีของการทำงานแบบ Hybrid Working
1. มีความยืดหยุ่นในการทำงาน
ความโดดเด่นของ Hybrid Working คือการที่พนักงานได้รับอิสระในการทำงานมากยิ่งขึ้น หลายคนสามารถทำงานจากบ้านตนเอง สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หรือแม้แต่ต่างประเทศได้ ภายใต้ข้อตกลงที่กำหนดไว้ของบริษัท ทำให้พนักงานเกิดความผ่อนคลายมากขึ้น
2. ดึงดูดบุคลากรจากหลากหลายพื้นที่
Hybrid Working ยังมีส่วนช่วยอย่างมากในเรื่องการสรรหาบุคลากร เพราะเปิดโอกาสและดึงดูดให้บุคลากรที่มีศักยภาพแต่อยู่ไกลบริษัทสนใจสมัครเข้าร่วมงานโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าออฟฟิศ ทำให้บริษัทมีโอกาสได้บุคลากรคุณภาพจากหลากหลายพื้นที่มากขึ้น
3. ลดค่าใช้จ่ายขององค์กรในระยะยาว
การทำงานแบบ Hybrid Working ช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมของบริษัทอย่างมาก ทั้งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสาธารณูปโภคภายในออฟฟิศ ขนาดของออฟฟิศ ทำให้มีโอกาสนำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาองค์กรในด้านอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น
ความท้าทายของการทำงานแบบ Hybrid Working
1. การทำงานบางส่วนอาจมีความยุ่งยากมากขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานแบบ Hybrid Working อาจนำพาความยุ่งยากบางอย่างให้กับบริษัท ทั้งจากความไม่คุ้นชินทางเทคโนโลยีของพนักงาน การอัปเกรดซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์เพื่อรองรับการทำงานที่บ้าน การเก็บข้อมูลเป็นเอกสาร การทำงานกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ ไปจนถึงการพูดคุยกับลูกค้า
ซึ่งในปัจจุบันได้มีการใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน Cloud Computing เพื่อเก็บและประมวลผลข้อมูล การใช้ IoT ร่วมกับเครื่องจักรในโรงงานขนาดใหญ่ และการใช้ระบบ CRM (Customer Relationship Management) ในการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า เพื่อให้การทำงานแบบ Hybrid Working ดียิ่งขึ้นไปอีก
2. ประสิทธิภาพการสื่อสารที่อาจไม่เทียบเท่าเก่า
การสื่อสารคือองค์ประกอบหลักสำหรับการทำงานทุกยุคสมัย การทำงานในออฟฟิศเดียวกันจะทำให้พนักงานแต่ละแผนกต่างไปมาหาสู่ มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น หากมีปัญหาอะไรก็สามารถไถ่ถามกันได้ง่าย ๆ แต่การทำงานแบบ Hybrid Working อาจทำให้การสื่อสารอย่างใกล้ชิดสนิทสนมเป็นไปได้ยากขึ้น โดยเฉพาะพนักงานใหม่ที่ยังไม่รู้จักกันดี
3. วัฒนธรรมองค์กรแบบเก่ากำลังถูกท้าทาย
“ทำงานต้องไปออฟฟิศ” เปรียบเสมือนภาพจำของพนักงานยุคก่อน Covid วัฒนธรรมองค์กร และแนวทางการบริหารจัดการบุคคลส่วนใหญ่จึงมีแนวโน้มที่จะตอบสนอง “พนักงานที่อยู่ออฟฟิศ” เป็นหลัก การทำงานแบบ Hybrid Working จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เหล่าผู้บริหารต้องคิดเผื่อ “พนักงานที่ไม่ได้เข้าออฟฟิศ” มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสาร ผลประโยชน์ตอบแทนของพนักงาน และนโยบายการทำงานร่วมกับทีม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์สำคัญที่ผู้บริหารองค์กรทั้งใหญ่ และเล็กจำเป็นต้องทำการบ้านอย่างเข้มข้น เพื่อให้กระบวนการทำงานทั้งหมดมีประสิทธิภาพที่สุด
เทคโนโลยีเพื่อการทำงานแบบ Hybrid Working
- เทคโนโลยีด้านการจัดการบุคลากร เช่น การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการดูแลพนักงาน บริหารจัดการวันลา รวมถึงจัดการผลตอบแทนต่าง ๆ
- เทคโนโลยีด้านเอกสาร เช่น การใช้งานเอกสารออนไลน์แทนเอกสารที่เป็นกระดาษ การทำงานบน Cloud แทนการพิมพ์เอกสารลงในคอมพิวเตอร์ปกติ
- เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร เช่น การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Google Meet, True VWORK และTrue VROOM ในการสื่อสารและการส่งข้อมูล
สรุป
Hybrid Working กลายเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำคัญสำหรับการทำงานในไทย ซึ่งผู้บริหารและพนักงานของทุกบริษัทจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต นอกจากนั้นยังจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มที่มีคุณภาพ สามารถตอบสนองการทำงานยุคใหม่ได้ดี
True VWORLD เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การทำงานแบบ Hybrid Working ทั้งในส่วนของการติดต่อสื่อสารที่ลื่นไหลและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทุกฟังก์ชันที่บริษัทชั้นนำต้องการ โดยคุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ True VWORLD