“เทคโนโลยีในอนาคต” อาจฟังดูล้ำสมัยสำหรับคนจำนวนมาก บ้างก็อาจนึกถึงรถยนต์บินได้ บ้างก็อาจนึกถึงสมาร์ทโฟนที่ไม่จำเป็นต้องชาร์จอีกต่อไป แต่สำหรับวงการธุรกิจ เทคโนโลยีอาจไม่จำเป็นต้องล้ำหน้าถึงขั้นนั้นเสมอไป แต่เป็นการต่อยอดเทคโนโลยีปัจจุบันเพื่อส่งต่อไปยังอนาคตได้อย่างมีคุณภาพ
บทความนี้จะพาคุณไปพบกับ 7 เทคโนโลยีในอนาคตที่น่าสนใจ
และอาจส่งผลกระทบกับธุรกิจของคุณอย่างคาดไม่ถึง
Table of Contents
เทคโนโลยีในอนาคตที่คนทำธุรกิจควรรู้จัก
1. Remote Work and More
Remote Work และ Remote Communication เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีการทำงานและการสื่อสารแบบออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก จากเหตุการณ์ Covid-19 ที่ทำให้คนจำนวนมากต้องทำงานที่บ้านและติดต่อสื่อสารกันผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ แทน
คนจำนวนมากมองว่า Remote Work อาจหายไปหลังจากสถานการณ์ Covid-19 ดีขึ้น
แต่ในความเป็นจริง แนวโน้มของการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเข้าสู่ Remote Work 100%
กลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เนื่องจากในอนาคต Remote work อาจขยายขอบเขตไปมากกว่าที่เราเคยคิดไว้ ทั้งในส่วนของการทำงานที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมเครื่องจักรหรือทำงานยาก ๆ ได้แม้ว่าจะอยู่ที่บ้าน รวมไปถึงการจัดการปัญหาความใกล้ชิดของพนักงานที่ทำงานทางไกลด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับเทคโนโลยี Virtual Reality มากขึ้น ทำให้ผู้คนสามารถเห็นหน้ากันหรือสัมผัสกันได้โดยไม่ต้องอยู่ที่เดียวกัน
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร
- การทำงานแบบ Work from Home จะกลายเป็น New Normal สำหรับคนรุ่นใหม่ ทำให้ธุรกิจที่ยังทำงานแบบเดิมอยู่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนสู่ Remote Work มากขึ้น
- การรับพนักงานอาจไม่จำเป็นต้องรับคนในพื้นที่ใกล้เคียงบริษัทอีกต่อไป ขอเพียงมีคุณสมบัติและความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งที่เปิดรับเพราะทำงานจากที่ไหนก็ได้
- ออฟฟิศในโลกแห่งความเป็นจริงอาจไม่จำเป็นสำหรับอนาคต เมื่อผู้คนสามารถทำงานจากที่บ้านหรือร้านกาแฟก็ได้
2. Smarter Business Intelligence
Business Intelligence (BI) เทคโนโลยีที่ทำการวิเคราะห์ธุรกิจโดยอ้างอิงจากข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ และนำเสนอต่อผู้ใช้งาน เพื่อให้เห็นภาพรวมการดำเนินงานของธุรกิจในมิติต่าง ๆ ทำให้ผู้บริหารรับรู้ข้อมูลเชิงลึกได้ง่าย สามารถคาดการณ์ความเป็นไปได้ และช่วยในการตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายของธุรกิจได้รวดเร็วและตรงจุดมากยิ่งขึ้น
การใช้งาน Business Intelligence อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สาเหตุที่หยิบยกมาพูดถึงในบทความนี้ เนื่องจากความสามารถของ Business Intelligence ในยุคปัจจุบันและยุคอนาคต ครอบคลุมการจัดการปริมาณข้อมูลที่มากขึ้น รูปแบบของผู้บริโภคที่หลากหลาย และการเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติของคนในสังคม
นอกจากนี้ Business Intelligence ยังมีโอกาสต่อยอดให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ Embedded Business Intelligence ที่เป็นการผสาน Business Intelligence เข้ากับซอฟต์แวร์ที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายใช้งานอยู่ ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการตลาดในอนาคตมากยิ่งขึ้น
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร
- การตัดสินใจของผู้บริหารจะสะดวกรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจาก Business Intelligence ทำให้การอ่านและตีความข้อมูลต่าง ๆ ง่ายกว่าเดิม
- การแข่งขันระหว่างธุรกิจจะรุนแรงมากขึ้น ผู้ประกอบการที่สามารถใช้งาน Business Intelligence รูปแบบใหม่ ๆ ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นได้ มีโอกาสที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วและมีคุณภาพมากกว่าผู้ประกอบการที่ไม่มีการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว
3. New Customer Communication Tools
Customer Communication Tools หรือ เครื่องมือสำหรับการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้ถูกปรับเปลี่ยนอย่างมากเมื่อเข้าสู่ยุค Digital Disruption บริษัทน้อยใหญ่ได้หยิบยกเครื่องมือติดต่อสื่อสารลูกค้าหลากหลายรูปแบบขึ้นมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Knowledge Base, Live Chat, Status Page, CRM รวมถึง Social Listening ด้วย
อัตราส่วนการเติบโตของ Customer Relation Tools จะสอดคล้องกับการเติบโตของ Remote Work คือมีการใช้งานมากขึ้นในช่วง Covid-19 เมื่อผู้คนออกไปไหนมาไหนไม่ได้ ทาง Project.co มีการประเมินว่าการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าในช่วงปี 2022 มีการใช้ Email 51% และ ช่องทางออนไลน์อื่นๆ 31% เป็นช่องทางหลัก ในขณะที่การใช้งานโทรศัพท์มีเพียง 7% และการนัดเจอหน้ากันมีเพียง 5% เท่านั้น
ในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีอย่าง Metaverse มีความสำคัญกับโลกเสมือนมากขึ้น ก็อาจส่งผลให้ Customer Communication Tools เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร
- ธุรกิจขนาดเล็กในประเทศไทยอาจจำเป็นต้องปรับตัวมากขึ้น เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของลูกค้ารุ่นใหม่ที่คุ้นชินกับการสื่อสารผ่าน Customer Communication Tools ต่าง ๆ ซึ่งมีความรวดเร็วและสามารถตอบสนองต่อลูกค้าได้ดี
- การดำเนินธุรกิจในอนาคตอาจใช้คนน้อยลง และใช้ Customer Communication Tools มาสนับสนุนในการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการบริการลูกค้า (Customer Services) การติดต่อสื่อสาร และการแก้ปัญหาสินค้าและบริการเบื้องต้น
4. Artificial Intelligence Next Gen
Artificial intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ อาจเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ผู้ประกอบการจำนวนมากคุ้นเคย และมองว่าเป็นเทคโนโลยีธรรมดา ๆ เพราะในปัจจุบัน AI สามารถเข้าถึงได้ง่าย และมีราคาค่อนข้างถูก
ทว่าการใช้งาน AI มีแนวโน้มจะพัฒนามากขึ้นเนื่องจากข้อมูลปริมาณมหาศาลที่เกิดขึ้นในช่วง Digital Disruption รวมถึงสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 โดยคาดการณ์ว่าตลาด AI ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 309.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2026 และมีการพัฒนา AI รูปแบบต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร
- การผลิตมีโอกาสใช้มนุษย์น้อยลง เนื่องจากความฉลาดของ AI ครอบคลุมการทำงานโดยรวมภายในองค์กรมากขึ้น
- การจ้างงานบุคลากรที่มีความสามารถเฉพาะทางเกี่ยวกับ AI มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้นเช่นกัน
- การใช้ AI เข้าช่วยจะมีบทบาทกับองค์กรแทบทุกขนาดเนื่องจากเป็นการทำงานที่ปราศจากอคติ ทำให้มีขั้นตอนที่โปร่งใส ตรวจสอบได้
5. More Blockchain in the Future
กระแสของ Blockchain เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับ Cryptocurrency แต่ผู้คนมักให้ความสนใจกับเหรียญดิจิทัลนานาชนิดมากกว่าเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังมัน เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า Blockchain ก็เริ่มถูกลืมจากคนนอกวงการดิจิทัล
แต่สำหรับบริษัทใหญ่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่เริ่มประยุกต์ใช้ Blockchain เข้ากับการทำงานรูปแบบต่าง ๆ เช่น Toyota ที่ร่วมมือกับ MIT Media LAB ในการนำ Blockchain มาใช้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมทั้งธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลกที่ศึกษา Blockchain เพื่อพัฒนาการทำงานเบื้องหลังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แม้แต่วงการการแพทย์ก็ยังมี Cyph MD บริษัทจากประเทศออสเตรเลีย ที่ใช้ Blockchain ในการบันทึกข้อมูลของคนไข้ ช่วยให้ทุกหน่วยงานของโรงพยาบาลสามารถเข้าถึงประวัติการรักษาได้
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร
- Blockchain อาจกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับการทำฐานข้อมูลของบริษัททั่วไปในอนาตค หากเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น
- เทคโนโลยี Blockchain สามารถปรับใช้ได้หลากหลายรูปแบบ มีโอกาสที่บริษัทใหม่ ๆ จะมีไอเดียการทำงานที่ใช้ Blockchain เพิ่มมากขึ้น
6. Clean Technology for New World
เทรนด์ระยะยาวของอนาคตย่อมเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างไม่ต้องสงสัย และนั่นทำให้ Clean Technology เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต
เมื่อเทคโนโลยีสะอาดเข้าถึงได้ง่าย องค์กรไม่ว่าจะขนาดใดก็ตามย่อมจำเป็นที่จะต้องใส่ใจเทรนด์ของสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร นอกจากนี้ เทคโนโลยีสะอาดบางประเภทยังช่วยทำให้ประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้นในงบประมาณที่ต่ำลง ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร
- ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อใช้เทคโนโลยีสะอาดภายในองค์กรเพราะเป็นหนึ่งในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
- ประเทศอุตสาหกรรมระดับผู้นำของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา และจีน ต่างให้ความสำคัญกับ Clean Technology การปรับใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในธุรกิจอาจมีส่วนทางอ้อมให้การเจรจาธุรกิจกับต่างชาติง่ายขึ้น
7. Cyber Security for Business
ความปลอดภัยด้านไซเบอร์เป็นเทคโนโลยีระยะยาวที่ทุกฝ่ายจำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นพื้นฐานในการรองรับธุรกิจต่างๆ หากไม่ได้ให้ความสำคัญก็อาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดและสร้างความเสียหายได้มากกว่าที่คิด
โดยทาง Gartner ได้เผยว่าช่วงปี 2025 มีแนวโน้มว่า 60% ขององค์กรต่าง ๆ จะใช้ความปลอดภัยด้านไซเบอร์เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดในการทำธุรกิจอีกด้วย นั่นหมายความว่าต่อให้บริษัทคุณมีพื้นฐานที่ดี แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญด้าน Cyber Security ก็มีโอกาสที่คุณจะพลาดดีลใหญ่ได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร
- ทุกธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนเกี่ยวกับ Cyber Security ขั้นพื้นฐาน
- ธุรกิจใหญ่จำเป็นต้องมี Cyber Security ที่แข็งแกร่งระดับหนึ่งเพื่อรองรับการลงทุนในระดับโลก
- กระแสการปรับเปลี่ยนด้าน Cyber Security จากบริษัทน้อยใหญ่นี่เองที่จะส่งผลทางตรงทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับ Cyber Security เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ทำไมการเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ จึงสำคัญกับเจ้าของธุรกิจ
- ช่วยลดต้นทุน เทคโนโลยีในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะใช้งบประมาณต่ำลง และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น การใช้งานเทคโนโลยีอย่างเหมาะสมจึงมีโอกาสที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมของธุรกิจ ทำให้การทำงานมีความคุ้มค่ามากขึ้นในราคาที่เหมาะสม
เข้าถึงผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจโดยเฉพาะในแง่ของการตลาด ทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึง และเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น ธุรกิจที่มีเทคโนโลยีในมือสามารถปรับปรุงสินค้า บริการ รวมถึงแคมเปญการขายต่าง ๆ ให้ เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด
พัฒนาธุรกิจอย่างมั่นคงในระยะยาว การใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในภาคส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจอย่างตรงจุด จะช่วยให้การจัดการธุรกิจในภาพรวมมีความไหลลื่นมากขึ้น พนักงานในองค์กรสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยข้อมูลชุดเดียวกัน ทำให้เกิดความโปร่งใส รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนงานยาก ๆ ทำให้การดำเนินงานสามารถไปต่อได้แบบไม่ติดขัด สามารถสานต่อโปรเจกต์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นแม้ว่าจะมีบุคลากรในองค์กรลาออกไปก็ตาม
สรุป
เทคโนโลยีในอนาคตสำหรับการทำธุรกิจอาจไม่จำเป็นต้องดูตื่นตาตื่นใจ ขอเพียงแค่เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเชิงการตลาด การผลิต และขั้นตอนต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของคนในองค์กรก็ถือเป็นเทคโนโลยีที่คุ้มค่าน่าลงทุนแล้ว
โดยเฉพาะการทำงานแบบ Work from Home และ Remote Work ซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยและกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับการทำงานของธุรกิจยุคปัจจุบัน เมื่อการเรียน การประชุม และการติดต่อสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ ต้องสะดวก รวดเร็ว สามารถใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด True VWORLD เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มการสื่อสารยุคใหม่ที่น่าสนใจ ช่วยตอบโจทย์ทั้งการเรียน การทำงาน รวมถึงกิจกรรมออนไลน์อื่น ๆ ท่านที่สนใจสามารถสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานได้ที่สมัครสมาชิก True VWORLD